วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563
เทคโนโลยีสมัยใหม่
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ได้มีผลทําให้การดําเนินชีวิตของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไป ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยม หรือมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
1. Internet of Things
Internet of Things หรือเรียกย่อ ๆ ว่า IoT คือเทคโนโลยีที่เชื่อมอุปกรณ์และ เครื่องมือต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยที่มนุษย์สามารถสั่งการ ควบคุมการใช้งานต่าง ๆ ผ่านทางเครือข่าย เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องใช้สํานักงาน เครื่องใช้ในชีวิตประจําวัน โดยมีตัวอย่างการประยุกต์ใช้ดังนี้
1.1 ประยุกต์ใช้ IoT ในบ้าน เป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น ทีวี ตู้เย็น หม้อหุงข้าว โทรศัพท์ แอร์ เครื่องทําน้ําอุ่น กล้องวงจรปิด เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น ขณะขับรถกลับบ้านสามารถที่จะใช้มือถือสั่งเปิดแอร์ที่บ้านก่อนที่จะกลับถึงบ้าน หรือตู้เย็นอัจฉริยะที่สามารถตรวจสอบสิ่งของภายในตู้เย็นและสามารถแจงข้อมูลได้โดยทันที
1.2 ประยุกต์ใช้ IoT กับอุปกรณ์สวมใส่ เป็นอุปกรณ์ส่วนบุคคลแบบสวมใส่ เช่น หูฟัง แว่นตานาฬิกา สายรัดข้อมือ กําไล เป็นต้น ยกตัวอย่าง นาฬิกาสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับโทรศัพท์มือถือ การสั่งงานด้วยเสียง แจ้งเตือนการโทรเข้า หรือข้อความต่าง ๆ
1.3 ประยุกต์ใช้ IoT ในการดูแลเมือง เป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้ในการบริหารจัดการในระดับเมือง เช่น การจัดการจราจร น้ํา ขยะ พลังงาน เป็นต้น
1.4 ประยุกต์ใช้ IoT ทางการแพทย์ เป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพ ทางการแพทย์ เช่น สายรัดข้อมือใช้วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และวัดความดันโลหิต การคํานวณการเดิน การวิ่งการออกกําลังกาย การรับประทานอาหาร
2. การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ
การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (cloud computing) เป็นลักษณะการทํางานที่ผู้ให้บริการแบ่งปันทรัพยากรให้กับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ตในรูปของบริการแบบใดแบบหนึ่ง อาทิ การให้บริการซอฟต์แวร์ หรือ Software as a Service (SaaS) เช่น Google app ซึ่งให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ตผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์บนเครื่องของตนเอง แต่ใช้บริการซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ผ่านทางโปรแกรมเว็บเบราเซอร์หรือ บริการระบบจัดเก็บข้อมูล หรือ data Storage as a Service (dSaaS) ซึ่งให้บริการพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล บางครั้งเรียกว่าเว็บสําหรับฝากไฟล์ ข้อดีคือ ไม่จําเป็นต้องกลัวข้อมูลสูญหาย สามารถกําหนดให้เป็นแบบส่วนตัวหรือสาธารณะได้ เข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้ เป็นบริการฟรีไม่เสียค่าบริการ มีพื้นที่เก็บข้อมูล โดยไม่จําเป็นต้องซื้ออุปกรณ์จัดเก็บไฟล์ข้อมูล จําพวกแฟลชไดรฟ์ เมมโมรี่การ์ดหรือ อื่น ๆ และปลอดภัยจากไวรัส โดยจะขอยกตัวอย่างบริการที่เป็นระบบคลาวด์ ดังนี้
2.1 Google Drive เป็นการบริการของ Google มี
พื้นที่ให้ใช้บริการฟรี 15 GB โดยสามารถเพิ่มพื้นที่สําหรับเก็บข้อมูลได้แต่ต้องจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือน สามารถใช้งานได้บนเว็บไซต์ และอุปกรณ์แท็บเล็ต โดยสามารถเข้าไปแชร์ไฟล์ และโฟลเดอร์ได้อย่างอิสระ ประกอบด้วย
Google doc ใช้สําหรับ สร้างเอกสาร แก้ไข พิมพ์ ร่วมกันหลาย ๆ คน
Google Spread sheets ใช้สําหรับ เก็บและแบ่งปันรายการ ติดตามโครงการ วิเคราะห์ข้อมูลและติดตามผลลัพธ์ด้วยเครื่องมือแก้ไข สเปรดชีตที่มีประสิทธิภาพของเรา ใช้เครื่องมือเช่น สูตรขั้นสูง
แผนภูมิในตัว ตัวกรองและตารางเปลี่ยนแกนเพื่อดูข้อมูลของคุณในมุมมองใหม่ๆ
Google Presentation ใช้สําหรับ สร้างสไลด์ที่สวยงามด้วยเครื่องมือแก้ไขงานนําเสนอ ซึ่งสนับสนุนสิ่งต่างๆ เช่น การฝังวิดีโอ ภาพเคลื่อนไหว และการเปลี่ยนสไลด์แบบไดนามิก เผยแพร่งาน
นําเสนอของคุณทางเว็บ เพื่อให้ทุกคนสามารถดู หรือแบ่งปันงานนําเสนอแบบส่วนตัวได้
Google Form ใช้สําหรับสร้างแบบสอบถาม หรือใช้สําหรับรวบรวมข้อมูล ผู้ใช้สามารถนําไปปรับประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบอาทิ เช่น การทําแบบฟอร์มสํารวจความคิดเห็น การทําแบบฟอร์ม
สํารวจความพึงพอใจ การทําแบบฟอร์มลงทะเบียน และการลงคะแนนเสียง
2.2 Google Photo เป็นบริการที่สามารถจัดเก็บรูปและวีดีโอ โดยมีเงื่อนไขว่ารูปภาพทุกรูป
ต้องมีขนาดไม่เกิน 16 ล้านพิกเซล ถ้ารูปไหนมีความละเอียดเกินกว่านี้จะลดเหลือ 16 ล้านพิกเซล ส่วนวีดีโอก็
สามารถจัดเก็บได้ในความละเอียดสูงสุดคือ Full HD หรือ 1080p
2.3 Dropbox เป็นบริการที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลได้ฟรี 2 GB แต่มีความสามารถในการส่งข้อมูลที่รวดเร็ว เข้าถึงและแบ่งบันอย่างง่ายดาย ได้ทุกที่ สามารถใช้ได้ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต และบนเว็บ
2.4 iCloud เป็นบริการของบริษัท แอปเปิ้ล มีพื้นที่ให้บริการทั้งหมด 5 GB สามารถเข้าใช้งานได้โดยอุปกรณ์ของ แอปเปิ้ล เช่น ไอแพด ไอโฟน และคอมพิวเตอร์ แต่จะต้องมี apple ID ถึงจะใช้งานได้
2.5 Box เป็นบริการที่เน้นกลุ่มผู้ใช้ ทั้งบุคคลทั่วไปและองค์กร โดยมีพื้นที่เริ่มต้นให้มากถึง 10 GBและรองรับไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่สุดไม่เกิน 250 MB
2.6 One drive เป็นบริการของบริษัท ไมโครซอฟต์ สามารถเข้าใช้งานได้บนทุกระบบปฏิบัติการโดยมีพื้นที่เริ่มต้นให้มากถึง 7GB ผู้ใช้ต้องมีที่อยู่ อีเมล ของ ไมโครซอฟต์ ไม่ว่าจะเป็น Hotmail windowslive หรือ outlook
2.7 Flickr เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการฝากไฟล์รูปภาพ และไฟล์วีดีโอของ yahoo.com โดยสมัครสมาชิกได้ฟรี ให้พื้นที่เก็บข้อมูลสูงถึง 1TB
ข้อดีในการใช้งานคลาวด์เทคโนโลยี
• มีบริการที่ไม่ต้องเสียค่าบริการให้เลือกใช้
• สามารถเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ เช่น รูปภาพ วีดีโอ เอกสารต่าง ๆ
• สามารถเข้าไปจัดการเอกสารได้ พร้อม ๆ กัน
• ค้นหาข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว
• ใช้งานได้กับทุก ๆ อุปกรณ์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน
• มีแอปพลิเคชั่นรองรับการใช้งาน
• ข้อมูลปราศจากไวรัส
ข้อจํากัดของการใช้งานคลาวด์เทคโนโลยี
• หากไม่เสียค่าบริการจะมีพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลจํากัด ต้อง จ่ายเงินเพิ่มหากต้องการพื้นที่เพิ่ม
• มีความเร็วในการ ดาวน์โหลด และ อัพโหลด จํากัด
• มีการกําหนดขนาดของรูปภาพ ไม่สามารถเก็บข้อมูลภาพ ขนาดใหญ่ได้
• เกิดความเสี่ยงหากว่า ไฟล์ข้อมูลเป็นไฟล์ที่สําคัญ
3. เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ
เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ (3D printing technology) เป็นการนําวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก มาขึ้นรูปชิ้นงาน หรือในลักษณะการสร้างโมเดลเสมือนจริง เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติมีพัฒนาการยาวนานกว่า30 ปี แต่พึ่งได้รับความนิยมเมื่อเร็ว ๆ นี้เนื่องจากมีการพัฒนาให้เข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้มากขึ้น มีผู้คนหลากหลายกลุ่มงานได้นําเอาเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D printer) มาใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ กัน ช่วยให้สามารถพิมพ์ภาพสามมิติให้มีรูปร่างเหมือนจริง ส่งผลให้วงการอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ นําเครื่องพิมพ์สามมิติมาใช้ในการสร้างต้นแบบ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ การบินและอวกาศ การแพทย์การทหาร สถาปัตยกรรม และการก่อสร้าง เป็นต้น
4. ราสพ์เบอร์รีพาย
ราสพ์เบอร์รีพาย (Raspberry Pi) เป็นบอร์ดคอมพิวเตอร์ (computer board) แบบเปลือย มีขนาดเท่าบัตรเครดิต ราคาถูก ไม่มีคีย์บอร์ดและจอภาพ ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สําหรับการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
5. Stick computer
เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ย่อเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ให้มีขนาดเล็กลงเท่าแฟลชไดรฟ์ เพื่อให้สะดวกสําหรับพกพา ใช้งานง่าย เพียงเสียบเข้ากับช่อง เอชดีเอ็มไอ (HDMI) บนจอโทรทัศน์ ก็สามารถทํางานได้ไม่ต่างจากเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป
วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2563
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ รถยนต์ EV
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ เรียกสั้นๆ ว่า EV(Electric Vehicle) นวัตกรรมที่ใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียว 100% ในการขับเคลื่อน และสามารถชาร์จไฟได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อแบตเตอรี่หมด โดยรถยนต์ไฟฟ้านี้จะมีองค์ประกอบหลักสำหรับการขับเคลื่อนคือ แบตเตอรี่ อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า ขั้นตอนการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า มีจุดเริ่มต้นจากแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ต่อมาตัวแปลงกระแสไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไปเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับและส่งต่อไปยังตัวมอเตอร์เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนรถยนต์ต่อไป และด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนอันนุ่มนวลและเงียบสงบ จึงเรียกได้ว่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ 100% ซึ่งสามารถทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ทั้งค่าซ่อมบำรุง และค่าพลังงานที่ไฟฟ้าจะมีราคาน้อยกว่าพลังงานเชื้อเพลิง ยิ่งไปกว่านั้นรถยนต์ไฟฟ้านี้ สามารถตอบสนองการขับขี่ของคุณให้มีอัตราเร่งได้ดั่งใจเพราะมอเตอร์ไฟฟ้าสั่งการให้เกิดการขับเคลื่อนได้ทันที ที่สำคัญรถยนต์คันนี้ไม่มีการปล่อยไอเสียจึงไม่สร้างมลภาวะให้แก่โลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ (E-POWER TECHNOLOGY)
อี-เพาเวอร์เทคโนโลยีประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง,เครื่องกำเนิดไฟฟ้า(Generator),แบตเตอรี่(Battery),อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter), และ มอเตอร์ไฟฟ้า (Motor) โดยรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งมาให้กับมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่กำลังสูง โดยที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไปขุมพลังแบบอี-เพาเวอร์(e-POWER) ให้แรงบิดในทันทีรวมถึงอัตราเร่งที่รวดเร็ว และแรงบิดที่นุ่มนวล
รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด HYBRID ELECTRIC VEHICLE (HEV)
เทคโนโลยีไฮบริด เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีของพลังงานไฟฟ้าที่เข้ามามีบทบาทยาวนานที่สุดในประเทศไทย การทำงานของ รถยนต์ชนิดนี้เป็นแบบน้ำมันเชื้อเพลิงผสมกับพลังงานไฟฟ้าหรือแบบลูกผสม โดยเครื่องยนต์หลักที่ใช้จะเป็นตัวเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำงานผสมผสานกับระบบมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และระบบจะเลือกทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์เองโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้วยการพัฒนาที่ก้าวไปไกลของเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า จึงเริ่มมีบทบาทในหลายๆประเทศ และมีข้อดีที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อคนและโลก คือ Zero Emission หรือก็คือรถยนต์ที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ ทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นหนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาที่หลายๆประเทศเลือกเพื่อให้เราก้าวไปสู่ในยุคของเทคโนโลยีที่สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์และโลกได้อย่างยั่งยืน
5G คืออะไร
5G คืออะไร
สำหรับ 5G ไม่มีความหมายแตกต่างจากเดิม โดยยังคงสื่อถึงว่า "เราเดินมาถึงยุคการติดต่อสื่อสารในเจนเนอเรชั่นที่ 5 แล้วเท่านั้น" ซึ่งมีเป้าหมายพัฒนาเพื่อตอบโจทย์โลกหมุนเปลี่ยนไป รวมถึงการมาของ Internet of Things อย่างเช่น Smart Home, Smart Infrastructure, Smart City, Smart Car เป็นต้น ตามคอนเซ็ปต์ “Anything that can be connected, will be connected.” หรืออะไรที่สามารถเชื่อมต่อได้ก็จะถูกเชื่อมต่อด้วยระบบอินเทอร์เน็ต แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด และอะไรที่ต้องการแสดงผลเรียลไทม์จึงจำเป็นต้องมีความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูลเช่น การศึกษา, การขนส่ง, การแพทย์ เป็นต้น
ประโยชน์ของ 5G มีดียังไง
แน่นอนว่าต้องมีความเร็วเพิ่มขึ้น เพื่อตรงกับคอนเซ็ปต์ในการใช้งาน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีอัตราดาวน์โหลดและอัพโหลดแรงเท่าใด ทว่ามีแต่การคาดการณ์กันว่าเร็วแรงมากกว่ายุค 4G ถึง 10 - 100 เท่า ซึ่งจะทำให้เปลี่ยนวิถีชีวิตของเราได้หลายอย่างในอนาคต และช่วยผลักดันเศรษฐกิจ ทั้งส่งผลให้เกิดผลิตภัณฑ์หรือบริบทใหม่ของการบริการเช่นกัน
ข้อด้อยของ 5G ที่ทำให้ไม่น่าคบหา
เนื่องจากต้องใช้คลื่นความถี่ที่สูงมากหรือคลื่นเทคโนโลยีความถี่ระดับมิลลิเมตร โดยถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนา สามารถดำเนินการได้ด้วยข้อมูลจำนวนมาก และมีสัญญาณการถ่ายโอนข้อมูลที่มีค่า latency ต่ำ (ความล่าช้าน้อยที่สุด)และด้วยประโยชน์ดังกล่าว จึงต้องแลกมาด้วยปัญหาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะว่าสัญญาณที่ส่งผ่านคลื่นความถี่สูงจะส่งผ่านในระยะสั้นเท่านั้น และก็ไม่สามารถเจาะอาคารได้ดี ทำให้ต้องอาศัยเสาสัญญาณกับเทคนิคอื่นๆ เข้าช่วย ดังนั้นจึงน่าสนใจว่าค่าใช้บริการจะเป็นอย่างไร
มาร์ทโฟน 4G สามารถใช้งาน 5G ได้ไหม
สำหรับสมาร์ทโฟน 4G จะไม่สามารถใช้งาน 5G ได้ เพราะมีปัจจัยสองอย่างที่เกี่ยวข้อง คือ โมเด็มรับสัญญาณอาจไม่รองรับการรับคลื่นความเร็วสูง ถึงรองรับแต่ก็ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะไม่ได้ถูกพัฒนามาเพื่อการใช้งาน 5G เฉพาะ นั่นหมายความว่าถ้าคุณต้องการใช้งาน 5G จำเป็นต้องซื้อสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานมาตั้งแต่ต้น
เมื่อไหร่จะได้ใช้
เว็บไซต์ ThenextWeb และ reuters.com รวมถึงเว็บไซต์อื่นๆ ระบุว่า ถ้ามติถูกโหวตผ่านใน FCC ก็อาจจะมีการเปิดให้ใช้ในเชิงพาณิชย์พุทธศักราช 2563 (ค.ศ.2020) อีกไม่นานเท่านั้นเองครับ ทว่าด่านแรกก็ต้องดูกันก่อนว่าจะมติผ่านหรือไม่ ถึงแม้ผ่านแต่จะมีอุปสรรคใดอีกไหม แต่หากไม่มีไรเกิดขึ้นเลย งานนี้ได้เห็น 5G กันที่สหรัฐแน่นอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)